1. เรามีโอกาสจะติดเอดส์ไหม?
เช่น เคยเสพยาโดยการฉีด หรือเคยมีเพศสัมพันธ์กับใครโดยไม่ได้ใส่ถุงยางอนามัยหรือไม่ (แม้กระทั่งกับสามีหรือภรรยาของเราเอง เพราะเราไม่รู้ว่าเขาเคยมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อมาก่อนหรือไม่)
2. รู้ประโยชน์ของการตรวจหรือไม่
เช่น ถ้าตรวจไม่เจอ จะได้เริ่มต้นป้องกันตัวเองอย่างจริงจัง หรือถ้าตรวจเจอ ต้องถือว่าโชคดีที่รู้ตัวก่อนที่จะป่วยขึ้นมา จะได้เข้าสู่กระบวนการรักษาแต่เนิ่นๆ จะได้ไม่ป่วยหรือเสียชีวิตจากเอดส์ อีกทั้งสามารถป้องกันคนที่เรารักและคนอื่นๆ ไม่ให้ติดเชื้อจากเรา
3. รู้หรือไม่ว่าตอนนี้ เอดส์รักษาได้
แม้จะรักษาได้ไม่หายขาด แต่คนไทยทุกคนมีสิทธิ์ได้รับการรักษาฟรีหมด และถ้ารักษาแต่เนิ่นๆก็จะได้ไม่ป่วย หรือเสียชีวิตจากโรคเอดส์ สามารถมีอายุยืนยาวได้เท่ากับคนอื่น และไม่แพร่เชื้อให้ผู้อื่น
4. ต้องรับรู้ว่าการตรวจเอดส์อาจเกิดผลเสีย(โทษ)ก็ได้
เช่น คนอื่นอาจคิดว่าเราเป็นคนไม่ดี จึงต้องไปตรวจ ทั้งๆที่คนที่ไปตรวจน่าจะได้รับการยกย่องว่าเป็นคนที่มีความรับผิดชอบต่อตนเอง ต่อครอบครัว และต่อสังคม หรือถ้าตรวจเจออาจเป็นทุกข์ใจแสนสาหัสในช่วงต้น แต่ถ้าได้รับการปรึกษาและเข้าใจกระบวนการดูแลสุขภาพ จะทำให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตไปได้
5. หลังจากได้รับผลตรวจ เราจะทำอะไรต่อไป
ถ้าผลตรวจออกมาเป็นลบ(ไม่ติดเชื้อ) หรือถ้าออกมาเป็นบวก(ติดเชื้อ) เราจะทำอะไรต่อ แล้วจะบอกหรือไม่บอกผลเลือด (ทั้งบวกและลบ) กับใคร ด้วยเหตุผลอย่างไร
6. รับรู้ถึงประโยชน์ของการตรวจเอดส์
ต้องชั่งดูว่าประโยชน์ของการตรวจเอดส์ ซึ่งล้วนแต่เป็นความจริง และมีประโยชน์สำหรับทุกคนเพื่อวางแผนในการดูแลสุขภาพ จะมีมากกว่าผลเสียที่ล้วนเป็นเพียงการคาดเดาหรือไม่ ถ้าประโยชน์มีมากกว่า เราสมัครใจจะตรวจจริงๆ นะ ไม่มีใครบังคับหรือหลอกเรานะ
7. ต้องเข้าใจเรื่องของ Window period
กล่าวคือ ระยะเวลาที่ยังอาจตรวจไม่เจอ เพราะเพิ่งได้รับเชื้อเข้ามาไม่ถึง 14 วัน เป็นต้น ดังนั้น ในระหว่างที่รอไปอีก 1-2 สัปดาห์เพื่อไปตรวจใหม่ จึงยังต้องใส่ถุงยางอนามัยกับคู่นอนไปก่อน แม้ว่าจะตรวจครั้งแรกไม่เจอแล้วก็ตาม
8. ต้องเข้าใจความสำคัญของการพาคู่นอนมาตรวจพร้อมกัน
เราจะได้บอกผลการตรวจให้กันและกันง่ายขึ้น และจะได้ปลอดภัยจริงๆ แม้จะไม่ใส่ถุงยางอนามัย
9. ในกรณีที่ตรวจแล้วผลเป็นลบ
เราจะต้องมีความเข้าใจว่าจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในอนาคตอย่างไร หรือป้องกันตนเองอย่างไร จะได้ไม่ติดเอดส์ไปตลอดชีวิต เช่น การใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเวลามีเพศสัมพันธ์กับใครที่ไม่เคยรู้ผลเลือดเอดส์ของตัวเองเลย หรือการเลิกเสพยา หรือใช้เข็มสะอาดทุกครั้งที่ฉีดยาเสพติดเข้าเส้นเลือด
10. ถ้าพลาดพลั้งไป มีพฤติกรรมที่อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีอีก
ต้องรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับยาป้องกัน และควรตรวจเอดส์ซ้ำ โดยที่ในระหว่างรอไปตรวจเลือดซ้ำ จะต้องใส่ถุงยางอนามัยกับคู่นอนของตัว ซึ่งเคยไปตรวจเอดส์แล้วไม่พบไปก่อน
#เอดส์, #โรคเอดส์, #โรคติดต่อ, #เชื้อเอดส์, #เชื้อเอชไอวี, #HIV, #การป้องกันเอดส์, #ติดเชื้อ, #ตรวจเอดส์, #ชุดตรวจเอดส์ , #ตรวจเอดส์เอง , #ตรวจHIV , #ผู้ติดเชื้อรายใหม่ , #ยาต้านไวรัส, #ชุดทดสอบHIV , #ตรวจเอดส์ที่บ้าน, #ตรวจเอดส์, #ตรวจเอดส์, #ตรวจเอดส์, #ตรวจเอดส์, #ตรวจเอดส์, #ตรวจเอดส์, #ตรวจเอดส์, #ตรวจเอดส์, #ตรวจเอดส์, #ตรวจเอดส์, #ตรวจเอดส์, #ตรวจเอดส์, #ตรวจเอดส์, #ตรวจเอดส์, #ชุดตรวจเอดส์, #ชุดตรวจเอดส์, #ชุดตรวจเอดส์, #ชุดตรวจเอดส์, #ชุดตรวจเอดส์, #ชุดตรวจเอดส์, #ชุดตรวจเอดส์, #ชุดตรวจเอดส์, #ชุดตรวจเอดส์, #ชุดตรวจเอดส์, #โรคเอดส์, #โรคเอดส์, #โรคเอดส์, #โรคเอดส์, #โรคเอดส์, #โรคเอดส์, #โรคเอดส์, #โรคเอดส์, #โรคเอดส์
ต้อนรับปีใหม่ 2020
พบกับ
โปรโมชั่นดีๆ
ปี 2022
สำหรับลูกค้าโรงพยาบาล
/คลีนิค/สถานบริการ
เท่านั้น
หน้าที่เข้าชม | 1,162,696 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 698,933 ครั้ง |
เปิดร้าน | 25 มิ.ย. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 15 ก.ย. 2568 |